What comes after my cleaning (apart from a clean house) ผลพวงจากการทำความสะอาดบ้าน(นอกเหนือจากบ้านสะอาด)
กลับมาจากทำงานปุ๊บก็ลงมือทำความสะอาดบ้านเลยเมื่อวานนี้ได้แรงบันดาลใจจากการไม่มีแรงบันดาลใจจะทำอะไรสร้างสรรค์ หลายๆคนอาจจะทำอะไรที่สร้างสรรค์ได้ไม่ว่าจะอยู่ในสิ่งแวดล้อมอย่างไหน แต่กะว่าฉันเป็นคนนึงที่ไม่ใช่คนประเภทนั้น ก็เลยใช้เวลาหลายชั่วโมงกับการดูดฝุ่น ปัดฝุ่น ถูกบ้าน และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อนคนหนึ่งเคยแนะนำให้ใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำมาฉีดเป็นน้ำยาทำความสะอาด ฉันลองทำเมื่อวาน ดีมากๆๆ ไม่รู้ว่าสะอาดกว่าใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ซื้อเป็นขวดๆหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องสารเคมีว่าจะต้องใส่ถุงมือ จะฉีดลงไปในถ้วยชา (แล้วดื่มไป)
Cleaning has got me thinking (and it's not the first time) ทำความสะอาดบ้านได้ข้อคิดดังนี้ (ไม่ใช่ครั้งแรกที่คิดได้)
a. I shouldn't leave the house in a war zone state before I clean it. Cleaning should be something I do religiously. Don't get me wrong, I'm not that dirty but I'm not that tidy either. I remember watching a Vlog on YouTube of an South Korean lady whose house is absolute immaculate. When she shows her cleaning routine in the VDO, it is as if she was cleaning her already very clean house. So, yes, you don't wait until you have to pull your hair, thinking "Oh my God, just look at the state of my house!!!"
ก) ไม่ควรจะรอให้บ้านมีสภาพเหมือนลูกระเบิดลงถึงค่อยทำความสะอาด มันควรจะทำอย่างเป็นกิจวัตรประจำวัน ไม่ใช่ว่าฉันสกปรกอะไรนักหนา แต่ก็ไม่ได้เจ้าระเบียบ จำได้ว่าเคยดูวิดีโอในยูทูปของสาวชาวเกาหลีใต้ที่บ้านของเธอสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยแบบไม่รู้จะบรรยายยังไง เมื่อเธอแสดงวิธีทำความสะอาดบ้าน ก็เหมือนว่าเธอทำความสะอาดบ้านที่สะอาดจะตายอยู่แล้ว ก็ใช่เลยล่ะว่าอย่ารอจนต้องดึงทึ้งผมตัวเองว่า โอ้ยตายดูสภาพบ้านสิเนี่ย
b. My house is very old and tatty. It occurred to me whilst hoovered the cobweb on the ceiling and some spiders (sorry!!!😢) that my house is really old and the spiders are very old too. My house is the end of a terrace cottage and it probable a couple hundred years old. I've never given it a lot of thoughts on the subject because almost everything in England is old and you've just got used to it.
ข) บ้านของเราเก่าและโทรม นึกได้ตอนที่ดูดฝุ่นพวกหยากไย่ใยแมงมุมบนเพดาน (และแมงมุมบางตัวด้วย โทษทีจ้า) ว่าบ้านเรานี่เก่าจังและพวกแมงมุมก็แก่ด้วย บ้านเราเป็นตึกแถวห้องสุดท้ายที่อายุอานามก็คงประมาณสองร้อยปีได้มั้ง ไม่เคยนึกถึงความเก่าของมันมาก่อนเพราะอะไรเกือบทุกอย่างในอังกฤษก็เก่าทั้งนั้นแหละเลยเป็นความชิน
c. As a treat, I watched the film, Harry Potter and the philosopher's stone. It's got me thinking when the children say hello to the ghosts in the castle that we've shared our houses with people in many generations. And if there were a ghost or two in the house, we always wish them to be friendly so that we can live together peacefully.
ค) ดูหนังแฮรี่ พ๊อตเตอร์เป็นการให้รางวัลกับชีวิต และคิดได้เมื่อเห็นเด็กๆ ในหนังพูดคุยกับบรรดาผีๆ ในปราสาทว่าเราเองก็ใช้บ้านช่องร่วมกับคนไม่รู้กี่ยุคกี่สมัย และถ้าหากว่าบ้านเราจะมีผีสักตัวสองตัว เราก็หวังว่าจะเป็นผีอัธยาศรัยดีจะได้ถ้อยทีถ้อยอาศัยอยู่ด้วยกันไปได้อย่างราบรื่น
d. My house can't be immaculate. Not an excuse - lifestyle here is kind of mix and match, it's a mixture of old and new. But then, I'm a Buddhist and I love everything in moderation which is perfect here because you can't get anything ultra modern, it won't go with a very old house. But a bit of this and a bit of that make it just perfect.
ง) บ้านของเราจะให้ดูสะอาดสะอ้านเรียบร้อยกะเขาได้ยังไงล่ะ ไม่ได้แก้ตัวนะ แต่ว่าการดำรงชีวิตที่นี่มันเหมือนกับการหยิบโน้นเอานี่มาปนๆกัน ระหว่างของเก่ากับของใหม่ เนื่องจากเป็นคนพุทธ ชอบทางสายกลางอยู่แล้วก็เลยเพอร์เฟ็คสำหรับเรา เพราะหาอะไรที่มันทันสมั้ยทันสมัยไม่ได้อยู่แล้วล่ะ ไม่เข้ากันกับบ้านเก้าเก่า
I've decided not to spend too much time in front of the computer because I don't get inspired whilst I'm in front of it. Whatever rubbish I've written come to me when I'm doing something somewhere mostly outdoors. So now, I'm only put the pieces that scatter about together. I put some photographs of my humble abode here. It took ages to upload them and got them to where I like - bother! but without them, my blog would, may as well, be a text book.
I've just spent a couple minutes, staring at the screen, not knowing what to write. I suppose it's a sign I should just say "THE END"
ฉันยังตัดสินใจแล้วด้วยว่าจะไม่ใช้เวลาหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ เพราะว่าไม่เกิดแรงบันดาลใจนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าอะไรไร้สาระที่ฉันเขียนนี้มาจากเวลาที่ฉันทำอะไรอย่างอื่นโดยเฉพาะเวลาที่อยู่กลางแจ้ง นี่ก็แค่เอาแค่ความคิดที่มันเกลื่อนกลาดมาต่อเข้าด้วยกัน และฉันโชว์ภาพถ่ายบ้านน้อยลงในบล๊อก ใช้เวลาตั้งนานกว่าจะอัพโหลดวางลงในที่ที่ต้องการ แต่ถ้าไม่มีภาพมันก็เหมือนอ่านหนังสือเรียนสินะ
ฉันเพิ่งนั้งมองจออย่างนั้นอยู่สองนาที ไม่รู้จะเขียนอะไรดี ถือเป็นสัญญานว่าควรจะพิมพ์ "จบ"ละนะ
Comments
Post a Comment