Green walk with Snoopy เดินแบบอนุรักษ์ธรรมชาติกับนูป
I'm calling it a"green walk" because it's not involved getting in the car and the walk is very green as you see in the VDO. We walk from the village, out to this lovely field. There are two fields actually, one we went to yesterday and another has a little woods in it but we didn't go there because it occupies by sheep at the moment. Unfortunately, Snoopy has to be on lead when we're on the main road. Although, we don't see many cars about but he's tend to run off uncontrollably, chasing pheasants and rabbits. Once we get to the field he can go wild.
It takes about twenty minutes I think to get there. We normally stop at a little river to let Snoopy have a drink and I also have a plenty of water in my bag for him. On the whole, it takes about an hour to walk there and back - very good exercise. We do this when the weather is nice or when I know that the weather is going to be dry.
เรียกว่าการเดินแบบอนุรักษ์ธรรมชาติเพราะว่าเราไม่ต้องขับรถออกไปไหน และการเดินก็ท่ามกลางความเขียวของธรรมชาติจริงๆ อย่างที่ีท่านๆ คงได้เห็นในวิดีโอ เราเดินออกจากตัวหมู่บ้านไปยังทุ่งกว้างนี้ จริงๆแล้วมันมีสองทุ่ง คือทุ่งที่เราไปเดิน กับอีกทุ่งหนึ่งที่ตอนนี้มีฝูงแกะครอบครองอยู่ สนู๊ปปี้ต้องใช้สายจูงเดินไปตามถนนใหญ่ เพราะถึงแม้จะไม่มีรถแล่นผ่านไปมามากมาย แต่คุณชายชอบวิ่งหนึเตลิดเปิดเปิงไล่นกไก่ฟ้า ไล่กระต่ายอะไรไปไม่รู้เรื่อง เมื่อไปถึงทุ่งแล้วนั่นแหละถึงจะปล่อยให้วิ่งตามใจไปได้ ใช้เวลาเดินประมาณยี่สิบนาทีได้ และเราก็มักจะหยุดพักให้สนู๊ปปี้ดื่มน้ำที่แม่น้ำเล็กๆ ระหว่างทาง ฉันก็เตรียมน้ำดื่มใส่กระเป๋าไปด้วยทุกทีเหมือนกัน เดินไปเดินกลับทั้งหมดใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง นับว่าเป็นการออกกำลังกายที่ดี เราเดินแบบนี้ในเวลาที่อากาศดี และแน่ใจว่าฝนจะไม่ตกลงมากลางทาง
สหราชอาณาจักรอังกฤษมีชื่อเสียงเรื่องอากาศแปรปรวน มันก็จริงๆ นะ บางทีวันหนึ่งมีสี่ฤดู และเราจะมาไม่ทำอะไรเพียงเพราะอากาศไม่ดีหน่อยก็ไม่ได้ เราค่อนข้างจะต้องลุยและอึด
I took quite a few of Videos and photographs because it's such a lovely, peaceful walk which always makes realise how much I love it here in Norfolk. The scenery change according the time of the year but it gives me different things to think about. I find walking is so spiritually therapeutic.
ฉันถ่ายวิดีโอและรูปภาพหลายรูปเพราะรู้สึกว่าการเดินนี้มันช่างสงบสุขและน่าอภิรมย์ซะจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันทำให้ฉันตระหนักได้ว่าฉันรักนอร์ฟอร์คขนาดไหน ทัศนียภาพนั้นเปลี่ยนแปลงไปแล้วแต่ช่วงเวลาของปี แต่มันทำให้ฉันรู้สึกดีในแบบที่แตกต่างกัน การเดินนี้ช่างเป็นการเยี่ยวยาจิตวิญญาณจริงๆเลย
Now, we are coming to high summer and the scenery looks a bit dry. Although, thanks to the rain we've had recently makes everthing looks lush.
Early spring is my favourite time when those lovely little wild spring flowers start to appear and everything is fresh, exciting and hopeful. Summer is lovely too but for different reasons. We try to make the most of the long days - we go out for a walk in the woods, to the beach, eat al fresco, barbecue, picnic and gardening - those are the things I love. ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาถึงช่วงกลางฤดูร้อนแล้ว ทัศนียภาพก็จะดูแห้งแล้งไปนิดหนึ่ง แต่ต้องขอขอบคุณฝนฟ้าที่ตกกระหน่ำลงมาเมื่อวานทำให้ทัศนียภาพดูชุุ่มช่ำชุ่มชื้นเขียวขจีดีมาก ต้นฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงเวลาโปรดของฉัน ยามที่ดอกไม้ป่าเล็กๆ ข้างทางเริ่มโผล่ขึ้นมา และทุกอย่างดูสดชื่น น่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความหวัง
ฉันชอบฤดูร้อนในแบบที่ต่างออกไป เราพยายามใช้เวลากลางวันที่ยาวนานนี้ให้คุ้มค่าที่สุด เราออกไปเดินเล่นในป่า ชายทะเล กินอาหารกลางแจ้ง ปิคนิค ทำสวน
Norfolk might not be the most beautiful place in the U.K. but for me it's the best. It has that lovely, peaceful atmosphere of English countryside - everything from ancient woodlands to long coastal line, the Norfolk broads and the fens which I'm not going go on about it now because my limited writing and experience will spoil it and I can't describe it in one chapter as much as I love to. But most of all, the people! people here are so lay back and that's the most important factor which makes Norfolk the 1970's England still. 😊
นอร์ฟอร์คอาจจะไม่ใช่ที่ที่สวยที่สุดในสหราชอาณาจักร แต่มันเป็นที่ที่ดีที่สุดสำหรับฉัน มันมีบรรยากาศดีๆสงบสุขของชนบทอังกฤษแบบที่เราเห็นในภาพยนต์และอ่านในหนังสือ ทุกอย่างตั้งแต่ป่าโบราณไปจนถึงชายทะเลยาวเหยียด ทะเลโคลน และหนองน้ำ เอาเป็นว่าจะไม่บรรยายมากไปกว่านี้ในตอนนี้ เพราะการเขียนและประสบการ์ณอันจำกัดของฉันจะทำให้เสียเรื่องไปซะเปล่าๆ และฉันก็ไม่สามารถจะบรรยายสรรพคุณได้ในเวลาจำกัดแม้ว่าอยากทำ ที่สำคัญที่สุดในอะไรทั้งหลายทั้งปวงคือประชาชนชาวนอร์ฟอร์คซึ่งน่ารักเป็นกันเองไม่รีบร้อนนับถือวัตถุอะไร เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นอร์ฟอร์คยังคงความเป็นอังกฤษในช่วงยุค 70's อยู่ได้😊
Comments
Post a Comment